วิถี (ที่แอบซ่อน) พังงา วันที่ 1 ท่องเที่ยววิถีชุมชนสไตล์อาสาเที่ยว
พังงา
คนส่วนใหญ่พอพูดถึงพังงาก็มักจะนึกถึงทะเล ในบรรดาเกาะต่างๆ ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจที่ผู้คนจะคิดแบบนั้น เพราะที่นี่เป็นจังหวัดที่มีจำนวนเกาะมากที่สุดในประเทศไทย รวมทั้งอุทยานแห่งชาติทางทะเลอีกมากมาย แต่จะมีสักกี่คนที่จะรู้ว่า พังงา ก็ยังมีแหล่งท่องเที่ยวอีกหลากหลาย แอบซ่อนอยู่ตามจุดเล็กๆ ที่นอกจากจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวแล้ว ยังได้เรียนรู้วิถีความเป็นพังงาที่เราไม่รู้อีกเพียบ
คำขวัญ
“แร่หมื่นล้าน บ้านกลางน้ำ ถ้ำงามตา ภูผาแปลก แมกไม้จำปูน บริบูรณ์ด้วยทรัพยากร”
@กรุงเทพฯ
เราออกเดินทางด้วยสายการบินแอร์เอเชีย จากดอนเมืองเพื่อไปลงที่สนามบินภูเก็ตรอบเช้า เที่ยวบิน FD 3037 ก็เลยทำให้เราต้องหาที่พักค้างคืนแถวๆ สนามบิน เพื่อมาให้ทันในช่วงเช้า จากการหาก็มีหลากหลายราคาให้เราเลือก ซึ่งเราเน้นไปทางห้องสะอาดเดินทางไปสนามบินง่าย และราคาไม่แพง ดอนเมืองห้องพักรายวัน จึงเป็นจุดหมายที่เราเลือกเพราะว่ามีหลายคนที่ไปพักบอกว่าดี และเจ้าของก็ใจดีมากๆ แถมมีน้ำเปล่าให้หยิบไปดื่มได้ตลอดเลย คุ้มกับราคา 590 บาทมากๆ ที่สำคัญอยู่ใกล้ ตื่นไปสนามบินแบบสบายๆ ไม่ต้องเร่งรีบ
พอถึงสนามบินและโหลดกระเป๋าเรียบร้อยแล้วเราก็เดินเข้าไปรอข้างใน ซึ่งก็มีเวลาเตรดเตร่ไปเดินหาของรองท้องก่อน อย่างแรกที่ทำคือเปิดแอพของทรูเพื่อหาส่วนลด แต่โชคดีกว่านั้นได้แลกฟรีจากการใช้แต้มทรู จึงทำให้ช่วงเวลาที่รอผ่านไปไวขึ้น เพราะมัวแต่สนใจของที่อยู่ตรงหน้า พอจัดการแฮมเบอร์เกอร์ เฟรนฟราย และน้ำจนหมดแล้ว ก็มีเสียงประกาศเรียกขึ้นเครื่องพอดี และหลังจากที่เครื่องขึ้นได้ไม่นาน ก็มีอาหารมาเสิร์ฟจากการจองไว้ล่วงหน้าอีกหนึ่งกล่อง ซึ่งก็อยู่ในปริมาณที่อิ่มกำลังดี หลับสบายไปได้หนึ่งตื่น ลืมตามาก็ถึงสนามบินภูเก็ตพอดีอีกแล้ว
ดอนเมืองห้องพักรายวัน
ที่อยู่: ซอย สรณคมณ์ 10
เบอร์ติดต่อ : 0952878965
facebook : CHECKin Hostel ห้องพักรายวัน เช็คอิน ดอนเมือง Don Muang Airport
บริษัท ไทยแอร์เอเชีย จำกัด
ที่อยู่: ท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง เขต ดอนเมือง กรุงเทพมหานคร 10210
เบอร์ติดต่อ : 02 515 9999
@เสม็ดนางชี
เราเปลี่ยนขึ้นรถตู้มุ่งหน้าเข้าจังหวัดพังงาไปยังอำเภอตะกั่วทุ่งเพื่อขึ้นไปชมวิวเสม็ดนางชี ซึ่งเราต้องเปลี่ยนขึ้นรถที่จัดไว้เพราะที่นี่ห้ามนำรถส่วนตัวขึ้นเอง อย่าลืมจ่ายค่าเข้าคนละ 30 บาทด้วยนะ สำหรับคนไทยอย่างเรา ส่วนค่ารถจ่ายคนละ 60 บาท (ไปกลับ) บอกเลยว่าแค่นั่งรถขึ้นก็ลุ้นสุดๆ ไหลไปรวมกันตลอด เพราะทางชันมาก กว่าจะถึงจุดชมวิวบนสุดก็ปวดไปทั้งตัว แต่พอเห็นวิวที่อยู่ตรงหน้าเท่านั้นแหละ ลืมทุกอย่างไปหมดเลย เกาะแก่งของภูเขาหินปูนขนาดน้อยใหญ่ หลากหลายรูปทรงที่อยู่ในอ่าวพังงาทำให้เราตื่นตาตื่นใจ แม้ว่าช่วงที่เราขึ้นไปจะไม่ใช่ช่วงเวลาที่พระอาทิตย์ขึ้นพอดี แต่ช่วงบ่ายๆ แบบนี้จุดนี้ก็ยังคงงดงามในตัวของมันเองจริงๆ เราสามารถเดินเล่น ยืนชมวิว หรือนั่งหลบแดดรับลมชิวๆ ก็ยังได้ ส่วนใครที่อยากเห็นท้องฟ้ายามค่ำคืนที่เต็มไปด้วยดวงดาวก็สามารถพักบนนี้ได้ มีทั้งเป็นกระต๊อบ และกางเต็นท์
” ตำนาน เสม็ดนางชี “
จริงๆ ที่นี่ชื่อว่า เหม็ดนางชี (สำเนียงใต้) เหม็ด เป็นภาษาใต้แปลว่า ถลกผ้า หรือยกผ้าขึ้น ซึ่งเมื่อก่อนคลองตรงนั้นจะมีน้ำขึ้นและน้ำลงและมีแม่ชีเดินผ่านบ่อย ซึ่งแม่ชีต้องเหม็ดผ้าขึ้น ก็เลยเป็นชื่อ เหม็ดนางชี (สำเนียงใต้) แต่ด้วยความคาดเคลื่อนทางภาษา เขียนไปเขียนมาก็เลยกลายเป็นเสม็ดนางชีคุ้นหูอย่างที่เราคุ้นเคยจนถึงทุกวันนี้
เสม็ดนางชี รีสอร์ท
ที่อยู่: ม.2 บ้านท่าอยู่ ตำบล คลองเคียน อำเภอ ตะกั่วทุ่ง พังงา 82130
เบอร์ติดต่อ : 081 894 1159
@ท่าเรือบ้านหินร่ม
Advertisement
ท่าเรือบ้านหินร่มอยู่ห่างจากจุดชมวิวเสม็ดนางชีไม่ไกลมากประมาณ 2.4 กิโล รอบๆ ท่าเรือที่นี่งดงาม เพราะมีวิถีชีวิตของคนท้องถิ่น อาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยธรรมชาติ อย่างต้นป่าโกงกาง ประกอบอาชีพส่วนใหญ่เป็นชาวประมง ถือเป็นท่าเรือใหม่ที่อยู่ใจกลางของอ่าวพังงา ซึ่งเปิดให้บริการนำเที่ยวไปยังเกาะต่างๆใน อุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา และที่นี่มีที่พัก พร้อมทั้งร้านอาหารไว้บริการอีกด้วย
โฮมสเตย์ท่าเรือบ้านหินร่ม
มี 2 ห้อง คือ ห้องพระอาดหนุ่ม และ ห้องพระอาดเฒ่า ราคา 500 บาท/คืน ห้องน้ำรวม
ล่องเรือบ้านหินร่ม
แต่วันนี้เราพิเศษกว่านั้น เพราะเราจะลงเรือหัวโทงที่มีคนพายอยู่ข้างหลัง เรือที่สามารถนั่งได้ 2-4 คน แล้วแต่ขนาด มีร่มสีขาวกางบังแดดอยู่ตรงกลางโต๊ะ แม้จะเล็กไปนิดนึงแต่โชคดีที่แดดไม่แรง และมีลมพัดมาเรื่อยๆ หลังจากที่ผู้คนลงเรือกันจนครบทุกลำแล้ว พี่พายเรือแต่ละลำก็พายตามกันไปเป็นกลุ่มๆ วิวที่เห็นจากมุมสูงที่จุดชมวิวเสม็ดนางชีเมื่อก่อนหน้านี้ก็เปลี่ยนไปเมื่อเรามาอยู่ใกล้มากขึ้น เรือค่อยๆ เลื่อนไปอย่างช้าๆ เราก็ชมธรรมชาติกันไปอย่างเพลิดเพลิน
ชมป่าโกงกาง
หัวเรือเริ่มเลี้ยวเข้าทางที่มีป่าโกงกางล้อมรอบตัวเราและเรือทั้งซ้ายและขวา รู้สึกสดชื่นเพราะมีสีเขียวเต็มไปหมด สายน้ำคดเคี้ยวไปมา ทำให้บางช่วงมองไม่เห็นเรือลำหน้า แต่เราก็ไม่ได้รู้สึกว่าถูกทิ้งห่างออกไปเพราะพวกเราก็สนใจเจ้าต้นโกงกางสองข้างทางมากกว่า เรือค่อยๆ พายเข้าไปจนเห็นลำข้างหน้าที่กำลังพายสวนกลับมาแล้ว เพราะจุดนี้จะเข้าออกทางเดิม
มื้อเที่ยงบนเรือ
หลังจากดื่มด่ำกับธรรมชาติที่สรรสร้างความงดงามให้เราได้ชื่นชมอย่างเต็มที่แล้ว ระหว่างทางกลับก็เลยสนใจของที่อยู่ในปิ่นโตมากกว่าวิวแล้วแหละ มื้อเที่ยงที่ใส่ปิ่นโตให้เรือทุกลำ ตั้งแต่ก่อนพายออกมา ดูน่ารักและใส่ใจในการเสริฟอาหารมาก ไม่ว่าจะนำมาใส่แกงใต้รสเผ็ด ไข่เจียวหอมๆ หรือกุ้งทอดร้อนๆ ก็เข้ากว่าการใส่กล่องโฟมแน่นอน ไม่สร้างขยะและเป็นเอกลักษณ์ มื้อนี้ตบท้ายด้วยผลไม้เย็นๆ และน้ำมะพร้าวที่ทั้งหอมและสดชื่น กลับขึ้นฝั่งอย่างสบายใจ และมีเรี่ยวแรง พร้อมไปตะลุยที่อื่นๆ ในพังงากันต่อ
ท่าเรือบ้านหินร่ม
ที่อยู่: ม.2 บ้านท่าอยู่ ตำบล คลองเคียน อำเภอ ตะกั่วทุ่ง พังงา 82130
เบอร์ติดต่อ :
- 098 926 6851 (ครูสงัด)
- 063 074 2290 (ลุงสุนิต)
@บ้านท่าดินแดง
บ้านท่าดินแดงในอดีตที่อยู่ในยุคเหมืองแร่เฟื่องฟูแห่งนี้ เคยมีการทำสัมปทานเหมืองแร่ด้วยกันถึง 2 เหมืองก่อนที่จะหมดยุคทองของเหมืองแร่และเลิกราไปในที่สุด แต่ที่บ้านท่าดินแดงเกิดจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ เมื่อตอนที่เกิดคลื่นยักษ์สึนามิถล่มภาคใต้ หมู่บ้านนี้ก็เช่นกัน ทรัพยากรที่ธรรมชาติสรรสร้างได้รับความเสียหายอย่างมาก แต่สุดท้ายด้วยความร่วมมือของคนในชุมชนทำให้ที่นี่กลับมาอุดมสมบูรณ์อีกครั้ง
รางแร่โบราณที่ยังหลงเหลือให้เราได้เห็นว่าหลักการทำงานเป็นเช่นไรจากการบอกเล่าของคนที่นี่เพิ่มเติม รวมทั้งการสาธิตการร่อนแร่โดยการใช้เลียงจากคุณยายทั้งสองที่เป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านนี้
สาธิตวิธีการร่อนแร่
คุณยายทั้งสองสาธิตการร่อนแร่ด้วยความชำนาญ แม้ว่าจะอายุมากแล้วแต่ร่างกายยังดูแข็งแรง ใส่ชุดพื้นบ้าน ลงไปยืนแช่ในน้ำแล้วก้มลงใช้เลียง อุปกรณ์ร่อนแร่ไม่นานก็ได้และส่งให้พวกเราดู ซึ่งตอนนี้แม้ว่าจะยังมีแร่ดีบุกหลงเหลืออยู่บ้าง แต่ก็ขายไม่ได้ราคาแล้ว
หลังจากนั้นเราก็เดินผ่านป่าชุมชนที่เมื่อก่อนพื้นดินปลูกอะไรก็ตายเพราะส่วนใหญ่เป็นดินปนทราย แต่ตอนนี้กลับเต็มไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่มากมาย เขียวขจีเต็มไปทั่ว 80 ไร่ ซึ่งชาวบ้านมีการวางแผนอย่างดีด้วยการปลูกต้น “ กระถินเทพา” ที่มีความอึดทนได้ดีและขยายพันธุ์ได้รวดเร็ว จนเริ่มมีพืชบางชนิดที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติบวกกับที่ขาวบ้านพยายามปลูกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน
นั่งคายัค
เราเดินไปจนสุดพื้นป่าที่เป็นรอยต่อระหว่างป่าชายเลนและลำคลอง เป็นจุดลงเรือ ที่พี่ๆ เตรียมคายัครอรับเราไว้แล้ว เรานั่งบนเรือลำละ 2 คน พร้อมออกไปสัมผัสธรรมชาติที่รออยู่ข้างหน้าแล้ว ผืนป่าที่นี่สมบูรณ์มาก จนทำให้ที่นี่อุดมไปด้วย ปลา และปูดำ ที่เป็นของดีอีกอย่างของบ้านท่าดินแดง เรานั่งชมวิวสองข้างทางไปเรื่อยๆ บางช่วง ทางก็แคบจนเราสัมผัสถึงต้นไม้สองข้างทางได้เลย
ชมธรรมชาติสองข้างทาง
เรานั่งข้างหน้า และถ่ายรูปกันแบบสบายๆ เพราะมีพี่ๆ มาเป็นนายท้ายช่วยพายเรือให้เราได้นั่ง เพลินและชิวมาก ไม่เหนื่อย นั่งชมวิวและฟังเรื่องราวที่พี่ๆ เล่าให้ฟังไปตลอดทาง ธรรมชาติมันทำให้เราลืมทุกเรื่องจริงๆ เพราะตอนนี้เราทำได้เพียงมองซ้ายและขวา ต้นไม้ ท้องฟ้า และพื้นน้ำ
ชิวๆ จนออกทะเล
การนั่งเรือคายัคท่องป่าชายเลนถือเป็นหนึ่งในกิจกรรมไฮไลท์ของที่นี่ ซึ่งในเส้นทางจะค่อยๆ ล่องจากลำคลองสายเล็กๆ ออกสู่คลองที่ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ได้แก่ คลองหยก คลองอ่าวหมัน ไปจนถึงคลองท่าดินแดงที่ติดกับปากอ่าว ที่มีขนาดใหญ่จนดูคล้ายแม่น้ำสายย่อมๆ ต่อจากนั้นก็จะมีเรือหัวโทงลำใหญ่ มาจอดรับพวกเราขึ้นจากเรือคายัค แล้วพามุ่งหน้าสู่หาดท้ายเหมือง เพื่อไปชม “ เขาหน้ายักษ์” ที่ถือเป็นอีกจุดไฮไลท์ของโปรแกรมท่องเที่ยวชุมชนบ้านท่าดินแดง
บ้านท่าดินแดง
ที่อยู่: หมู่ 4 ต.ลำแก่น อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา
เบอร์ติดต่อ : บังโหรน 084-4433539 บังดีน 086-2730823 บังจิ๋ว 086-2747061
facebook: กลุ่มท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์บ้านท่าดินแดง
@หาดท้ายเหมือง
พอเรือเข้ามาจอดที่ท่า พวกเราก็ทยอยเดินขึ้นฝั่งที่ช่วงแรกเป็นพื้นทราย ตั้งอยู่บนหาดท้ายเหมืองในความรับผิดชอบของอุทยานแห่งชาติเขาลำปี-หาดท้ายเหมือง เราเดินตามทางไปเรื่อยๆ รอบๆ จะเป็นทุ่งหญ้าที่ต้นไม่สูง และไม่ค่อยมีต้นไม้ใหญ่ ถ้าฝนกระหน่ำลงมาบอกเลยว่าไม่มีที่หลบฝนแน่ๆ ท้องฟ้าก็เริ่มครึ้มและมืดขึ้นเรื่อยๆ ลมเริ่มพัดแรง พวกเราก็รีบเดินแม้ว่าวิวสองข้างทางจะสวยแต่เราไม่สามารถจะหยุดดูหรือถ่ายรูปกันเลย สายฝนโปรยปรายลงมาเล็กน้อย
อุทยานแห่งชาติเขาลำปี-หาดท้ายเหมือง
เบอร์ติดต่อ : 0 7641 7206
- เดือนตุลาคม ถึง เดือนธันวาคม นักท่องเที่ยวสามารถ กางเต็นท์ค้างแรมได้ แต่ต้องเตรียมเต็นท์ อาหารและเครื่องดื่มมาเอง มีห้องน้ำให้บริการ
หาดท้ายเมือง
จนในที่สุดเราก็ถึงและเห็นชายหาดแล้ว ท้องฟ้าที่มืดครึ้ม กับเม็ดฝนเพียงเท่านี้ไม่สามารถทำอะไรเราได้ เพราะแนวชายหาดที่ทอดตัวยาวประมาณ 15 กิโล เงียบ สงบ ไม่มีนักท่องเที่ยวพลุกพล่าน ทรายละเอียด น้ำใส โดยเราลืมไปเลยว่าท้องฟ้ามืดดำ เมฆฝนกำลังมา พร้อมถล่มเราตลอดเวลา แต่เราก็เลือกที่จะไปเดินสัมผัสพื้นทราย สัมผัสน้ำทะเล สักนิดก็ยังดี
เขาหน้ายักษ์
แต่แล้วฟ้าก็เป็นใจ ส่องแสงให้เราเล็กน้อย ก่อนที่จะหายวับไปกับเมฆฝนที่ยังคงดำขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งหลายคนก็ยังคงไม่หลบเข้าร่มทันที ยังคงพยายามที่จะเดินเล่นที่ชายหาดทอดน่อง เหยียบน้ำและทรายไปเรื่อยๆ และบางคนก็เลือกเดินไปยังอีกจุดที่จะมองเห็นเขาหน้ายักษ์ ซึ่งต้องข้ามโขดหินที่มีสีสันสวยงามและรูปร่างแปลกตา ต้องใช้ความระมัดระวังเล็กน้อย ก็จะเห็นเวิ้งเล็กๆ แอบซ่อนอยู่ แต่ไม่ทันที่เราจะได้ไปสัมผัส ฝนก็กระหน่ำลงมาจนต้องหาที่หลบฝนกันก่อน
ตำนานเขาหน้ายักษ์
เดิมทีนั้นด้านหน้าเขาส่วนที่หันหน้าออกไปทางหมู่เกาะสิมิลัน จะมีหน้าผาที่มีรูปร่างเหมือนกับใบหน้าของยักษ์ ที่มีอาการโกรธเกรี้ยว จนกระทั่งเมื่อสงครามโลก ครั้งที่ 2 เรือรบของทหารญี่ปุ่นที่แล่นผ่านบริเวณนี้ได้เกิดล่ม และจมลงโดยไม่มีสาเหตุหลายลำด้วยกัน ทหารญี่ปุ่นจึงเชื่อว่า น่าจะเกิดจาก อาถรรพ์ของหน้าผารูปร่างคล้ายหน้ายักษ์ เลยใช้ปืนใหญ่ยิงส่วนที่เป็นเหมือนหน้ายักษ์จนพังและจมลงบริเวณทะเลดังกล่าว
วิวระหว่างทาง
แต่ฟ้าหลังฝนงดงามเสมอ มันยังคงเป็นแบบนั้นจริงๆ พอฝนเริ่มซาและหยุดตก แสงแดดส่องเท่านั้นแหละ สายรุ้งก็โผล่มาโชว์ตัวเช่นเคย แต่ที่น่าตื่นเต้นคือ มาทีสองสายซ้อนกันแบบเห็นได้ชัด ซึ่งก็ถึงเวลาที่เราต้องเดินกลับไปขึ้นเรือที่เดิมเช่นกัน ทุ่งหญ้าที่เราเดินผ่านไปยังคงโอนเอนไปตามแรงลม แสงแดดเริ่มอ่อนแรงลงไปเรื่อยๆ เช่นกัน แต่เราก็เดินมาถึงท่าเรือก่อนที่จะมืด ในระหว่างที่รอขึ้นเรือนั้น เราก็เห็นหมอกที่ไหลไปตามทิวเขาตรงขอบทะเลอีกฝั่ง เรียกเสียงฮือฮาได้อีกรอบ ก่อนขึ้นเรือหัวโทงกลับไปยังบ้านท่าดินแดง
@ผักสลัดบ้านท่าดินแดง
เรากลับขึ้นฝั่งอีกครั้งและเดินไปยังจุดที่มีการปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ ที่ชาวบ้านหันมาปลูกผักด้วยวิธีนี้เพื่อแก้ปัญหาดินที่กลายเป็นดินทรายแทบทั้งหมด หลังจากที่เกิดเหตุการณ์สึนามิ ซึ่งได้รับการช่วยเหลือจากองค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ หรือ F.A.O. ที่เข้ามาให้ความรู้และสร้างอาชีพปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ให้กับชาวบ้าน ทุกวันนี้ชาวบ้านได้หันมาปลูกผักควบคู่ไปกับวิถีชิวิตที่มีอาชีพทำประมงตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โดยมีบังจิ๋วอธิบายขั้นตอนคร่าวๆ และพาเราเดินดูแปลงผักอย่างใกล้ชิด แรกๆ การปลูกผักก็ล้มลุกคลุกคลานเจ็บตัวกันอยู่พักใหญ่ จนพอตั้งตัวได้หลังปี 2553 ก็ได้มีการเข้ารวมกลุ่มกับเครือข่ายอื่นๆ เพื่อทำให้เป็นที่รู้จักเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะการท่องเที่ยวชุมชน
ชิมผักสลัดสดๆ
ผักที่โตได้ขนาดพร้อมเก็บเกี่ยวได้แล้ว ชาวบ้านก็จะขายตรงกับลูกค้า โดยไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง ส่วนนักท่องเที่ยวที่เข้ามา นอกจากจะได้ลิ้มลองผักสลัดที่เก็บสดๆ แล้ว ใครที่สนใจจะซื้อกลับไปเป็นของฝากก็ได้เช่นกัน ผักสดสะอาดกินกับอะไรก็อร่อยจริงๆ เพิ่มธัญพืช ไข่ต้ม ไปหน่อย ราดด้วยน้ำสลัดสูตรที่ชาวบ้านทำเองยิ่งลงตัว ที่สำคัญเราสามารถตักเพิ่มได้หากใครชื่นชอบ เรียกว่าไม่อิ่มไม่เลิกก็ยังได้
ที่นี่ยังมีกิจกรรมอีกหลายอย่างให้เราได้สัมผัส ใครมีเวลามากหน่อยก็อยู่ลุยที่นี่ไปเลย 1 วัน แต่หากใครเวลาน้อยหน่อยก็สามารถใช้เวลาครึ่งวันปรับเปลี่ยนโปรแกรมกันได้ บอกเลยว่าครบรสจริงๆ สำหรับการอยู่ที่นี่ มาเถอะแล้วคุณจะหลงรักทุกสิ่งที่เป็นบ้านท่าดินแดง จนต้องหาเวากลับไปที่นี่อีกครั้งแน่นอน ผู้คนที่นี่น่ารัก พวกเขารอต้อนรับนักท่องเที่ยวอย่างเราๆ อยู่นะ
@ร้านในเหมือง เขาหลัก
มื้อค่ำวันแรกที่พังงากับร้านในเหมือง เขาหลัก ซึ่งเป็นร้านอาหารที่นำอุปกรณ์การทำเหมืองแร่มาประดับร้าน ด้วยความคิดที่ว่าเพราะอยากให้คนรุ่นหลังได้เห็นสิ่งของที่เป็นของบรรพบุรุษ วิถีดั้งเดิมในการทำเหมืองแร่ ซึ่งพี่เจ้าของได้เริ่มค่อยๆ เก็บสะสมทีละชิ้น เริ่มแรกได้มาจากเหมียนจวบ เป็นเสมียนเหมืองแร่จุติ บุญสูง ได้มาจากที่นี่หลายชิ้นเลย แต่ก็ยังไม่ครบในครั้งเดียว ใช้เวลาตามหาต่อไป พี่เขาบอกว่า เหมือนมีแรงดึงดูดให้มีคนเอาของเก่ามาให้อยู่เรื่อยๆ ซึ่งที่ร้านก็ยังมีของเก่าอื่นๆ อีกมากมาย หลากหลาย จนเต็มร้านอย่างทุกวันนี้
ก่อนที่จะเปิดเป็นร้านอาหารอย่างที่ตั้งใจ เพื่อให้คนมาเขาหลักมีจุดเช็คอินนั้น ก่อนหน้านี้พี่เขาทำทัวร์เกี่ยวกับอาหารไทยอยู่แล้ว แต่เป็นในรูปแบบการสอนฝรั่งทำอาหารไทย และในอนาคตก็อยากจะรวบรวมของดี และดังในพังงามาขายในร้านด้วย
เมนูของร้าน
ภายในร้านจะมีการจัดอย่างเป็นสัดส่วน และที่โดดเด่นไม่แพ้อาหารคือส่วนที่เป็นมุมกาแฟ ส่งกลิ่นหอมจนหลายคนอดใจไม่ไหวจนต้องสั่งมาชิมในช่วงค่ำแบบนี้ ส่วนอาหารก็เป็นอาหารใต้ พื้นเมือง แบบบุฟเฟ่ต์ สามารถเลือกตักใส่ถาดหลุมได้เลย รสเผ็ดจากแกงไตปลา ขนมจีน น้ำยาปู น้ำพริกที่กินกับผักพื้นบ้านหลากหลาย บอกเลยว่าเลือกตักไม่ถูกเลย ของไม่เผ็ดอย่างกุ้งโสร่ง ใบเหลียงผัดใส่ไข่ มะระกอทอดกรอบๆ ราดน้ำยำครบสามรส บอกเลยว่าเด็ด!!! (อันนี้ชอบเป็นการส่วนตัว) ส่วนยำในเหมืองที่เราไม่คุ้นเคยทั้งชื่อและหน้าตา แต่ก็ตักกินได้เรื่อยๆ จนหมดจานแบบไม่รู้ตัว ซึ่งที่นี่ยังมีเมนูอีกเพียบให้เราได้เลือกลิ้มลอง ทำให้เจ้าของเลือกใช้ถาดหลุมในการตักอาหาร เพราะเป็นคนชอบกินหลายอย่าง แต่ไม่ชอบกินรวมกัน ถาดหลุมจึงตอบโจทย์ที่สุด
หากใครมีโอกาสผ่านมาแถวนี้ แนะนำว่าควรแวะเช็คอินและชิมเมนูที่นี่ เพราะเขาได้รับรางวัล PLATE ในมิชลินไกด์บุค ปี 2019 อย่างหมูคั่วกะปิ กับต้มกะทิสายบัว ที่การรันตีโดยมิชลินเชียวนะ
ร้านในเหมือง เขาหลัก
ที่อยู่: 33/4 หมู่ที่ 5 ซอย โลมา ตำบล คึกคัก อำเภอ ตะกั่วป่า พังงา 82220
เบอร์ติดต่อ : 086 956 6946
facebook: ในเหมือง เขาหลัก Naimuang Restaurant Khaolak
@ไอซ์แต ชาชัก&ชาระบำ
วันนี้เราไปปิดท้ายด้วยของหวานที่ร้านไอซ์แต กับเมนูชาระบำ ที่ได้ยินชื่อก็แปลกๆ นึกภาพไม่ออกเลยว่าจะเป็นยังไง พอยกแก้วมาเสิร์ฟเท่านั้นแหละ มันคือชาร้อนใส่นม และมีฟองนมข้างบน ที่สำคัญมันระบำได้จริงๆ ใครผ่านมาทางนี้ก็แวะมาดูว่ามันระบำยังไง ส่วนโรตีภูเขาไฟ ที่มีวิธีการทำที่ค่อนข้างยุ่งยากหน่อย เพราะต้องทำแป้งให้บางและทอดให้กรอบ ก่อนที่จะจับให้ได้ทรงกรวย ราดด้วยผงโกโก้ และนมข้นหวาน จุดไฟไว้ข้างล่าง เป็นอันเรียบร้อยสำหรับโรตีภูเขาไฟ พร้อมเสิร์ฟ เวลากินก็ยากนิดนึง มือเลอะหน่อยๆ และก็ลุ้นว่ามันจะล้มก่อนที่จะหมดไหม ชิมโรตีคำ ชิมชาระบำคำ สลับกันลงตัวสุดๆ
ที่ร้านไอซ์แตยังมีอาหารหลากหลายไว้บริการด้วยน๊า หากใครอยากนั่งยาว กินได้ทั้งคาวและหวาน แต่อาจจะต้องรอหน่อย เพราะผู้คนที่เข้ามาค่อนข้างเยอะมาก เราสั่งเมนูอาหารอย่างสุกี้แห้งมาลองชิมด้วย ซึ่งหน้าตาดูไม่ค่อยคุ้นเคยสักเท่าไร แต่รสชาติดีทีเดียว หมดในพริบตา แม้ว่าท้องจะอิ่มมากก็ตาม
ร้านไอซ์แต ชาชัก& ชาระบำ ตะกั่วป่า
ที่อยู่: ตำบล บางนายสี อำเภอ ตะกั่วป่า พังงา 82110
เบอร์ติดต่อ : 087 383 5470
จบวันแรกที่พังงาแบบเต็มอิ่ม และแน่นท้องไปหมด คืนนี้คงหลับฝันดี เพราะเดินทางทั้งวัน แต่ถึงอย่างนั้นก็เตรียมพร้อมที่จะลุยต่อในวันพรุ่งนี้เช่นกัน ราตรีสวัสดิ์ พังงา ที่ไม่ได้มีดีแค่ทะเล แต่พรุ่งนี้จะไปลงทะเล
ติดตามกิจกรรมวันที่สอง และสาม ที่พังงา ได้ที่ http://www.rsatieow.com
May Macro
วันพฤหัสที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2561 เวลา 16.01 น.