------สวัสดีครับบ เมื่อวันเสาร์-อาทิตย์ ที่ผ่านมา (19-20 ก.ย. 58) ไปเที่ยว อ.จอมทอง และอ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่มา
เลยเก็บประสบการณ์ดีๆ มาฝากกันครับ เผื่อเพื่อนๆอยากไป---แบบ Low Cost แต่ฉ่ำปอดสุดๆ
เป้าหมายทริปคือ เรา 2 คน จะไปพิชิต "นาขั้นบันได" เอาปอดไปสัมผัสคลอโรฟิลด์ >>> เพื่อนแซวว่า "ปอดนึงน่าจะสัมผัสยาฆ่าแมลงก่อนคลอโรฟิลด์นะ" แต่ไม่เป็นไรครับ 555 ปกติก็สูดควันพิษที่ กทม. อยู่ทุกวัน
FB Fanpage : บันทึกของคนขี้เที่ยว
https://www.facebook.com/1514554848849607 (ตอนเขียนกระทู้ยังไม่ได้ทำ)
------เดินทางครับบบบบบบ 19.09.58 >>> นัดกัน 20.00 น. แต่ผมมาถึงก่อนก็รอๆๆๆ จนเจอกัน
รถทัวร์ บขส.กทม- จอมทอง เวลา 21.20 น. ในราคาที่นั่งละ 482 บาท (ถ้าจองไป-กลับจะถูกกว่าจองแยกนะครับ--เทคนิค)
----ลืมบอกไปว่าวันที่เราไปกัน เป็นวันสุดท้ายที่พายุหว่ามก๋อ สลายตัวพอดีครับบ --ใจไม่ดีเลย กลัวไปถึงเชียงใหม่แล้วฝนตก--
พยายามติดตามพยากรณ์อากาศ แต่ก็โล่งอกที่ภาคเหนือฝนไม่ตก กังวลขนาด In Box ไปถามพี่แอดมินเพจ จอมทองนิวส์กันเลยล่ะก็เลยถามแหล่งท่องเที่ยวมาเลยด้วย ขอบคุณนะครับ >>>>
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://www.facebook.com/chomthonchiangmai /////////// และแล้วในที่สุด
ฝนเทลงมาหนักมากกก---ลางเริ่มไม่ดีซะแล้วทริปนี้ เวลา 23.30 น. รถก็แวะพาพวกเรากินข้าว ชุ่มฉ่ำกันไป..................
------20.09.58 เวลา 8.30 น. (เรานั่งรถจนก้นระบมมาทั้งสิ้น 11 ชั่วโมง)>>> รถจอดหน้าวัดพระธาตุศรีจอมทองฯ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่
ลงจากรถได้เราก็เดินเข้าไปไว้พระ กันก่อนครับ และถือโอกาส ล้างหน้าแปรงฟันที่ห้องน้ำวัดนี่แหละครับ สบายๆ
---การเดินทางที่แท้จริงเริ่มขึ้นแล้วครับบบ เราข้ามฝั่งไปเช่ามอไซ กันฝั่งตรงข้ามประตูหน้าวัดเลยครับ
เป็นร้านซ่อมมอไซ แต่ให้เช่าด้วย เจ้าของร้านชื่อ "ลุงตี๋" มีมอไซทั้งเกียร์ธรรมดาและเกียร์แบบออโตเมติกครับบ ราคาเช่าคันละ 300 บาท/วัน มัดจำ 1000 บาท วางบัตร ปชช ไว้ ก็เอารถออกมาแว๊นได้เลยครับ เราตกลงว่าจะเช่า 2 วัน ในวันพรุ่งนี้ (วันอาทิตย์บ่ายๆ จะเอามาคืน)
---จุดแรกเลยที่เราจะไปคือ "ไปกินก่อนเหอะ" หิวววว เราก็พึ่งกูเกิลลลล >>> ได้ที่กินแล้วครับบ
ร้านข้าวซอยกระโหล้ง >>>>นอกจากข้าวซอยจะอร่อยมากกกกกกกกกก จุดเด่นอีกอย่างคือ ภาชนะ อุปกรณ์ในการกินทุกอย่าง
ทำจากกะลามะพร้าววว ร้านจะอยู่เลยแยกขึ้นดอยอินทนนท์ไปนิดเดียวครับ >> ใครเช่ามอไซ ที่นี่เป็นจุดแรกที่ใกล้ปั๊มน้ำมันครับ
แวะกินกันก่อนได้ครับ
Advertisement

กินเสร็จเราก็เดินทางต่อกันเลยครับบบ เราจะเก็บน้ำตกทุกที่ที่ผ่านน เพราะเราจองที่พักไว้ที่ "บ้านแม่กลางหลวง" ซึ่งห่างจาก ตัวอ.จอมทองไปเกือบ 30 กม.ครับ
XXXความเสี่ยใจในทริปนี้เกิดขึ้นเมื่อเราไปถึงทางเข้าน้ำตกแม่ยะ เจ้าหน้าที่บอกเราว่า "ขอโทษนะครับ น้ำตกปิดตั้งแต่ 18-25 ก.ย. 2558 เพราะเมื่อวานมีน้ำป่าไหลหลงมา >>> ทรุดเลยยยย XXX แต่เพื่อความปลอดภัยเราจำเป็นต้องเชื่อฟังเจ้าหน้าที่และไปที่อื่นต่อครับ ยังมีเวลาเยอะ
ไหนๆก็ไม่ได้ถ่ายน้ำตก งั้นแวะนาข้าวแถวๆ ทางเข้าน้ำตกแม่ยะ ถ่ายรูปก่อนซะเลยย
ต่อๆๆๆๆ----
ถ่ายรูปพอหอมปากหอมคอก็ขี่มอไซไปกันต่อเลยครับ ออกจากปากทางเข้าน้ำตกแม่ยะมาแป๊บเดียวว
ตาก็มองไปเห็น "สมอลล์ ฟาร์ม" ---แล้วอะไรคือสมอลล์ ฟาร์ม เรา 2 คนก็จอดแวะร้านค้าข้างทางถาม
ก็ได้คำตอบว่า "เป็นฟาร์มเปิดใหม่มีแกะแพนด้า อัลปาก้า และก็ ม้า ลา ด้วยความที่ไม่ได้ใช้เวลาที่น้ำตกแม่ยะมากนัก (เพราะมันปิด)
ก็เลยยยยยเข้าไปเที่ยวสมอลล์ ฟาร์ม >>> ค่าเข้า 55 บาท/คน เท่านั้นเองครับ
บรรยากาศดีครับ ดูเผินๆนึกว่าอยู่ สวนผึ้ง 555
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://www.facebook.com/SmallFarmTH
หมาพันธุ์แจ็ครัสเซล >>> เอาไว้ต้อนแกะ
นี่ล่ะครับ "แกะแพนด้า" หน้าตาน่ารักดี
ถึงเวลาเรามาให้อาหารสัตว์กันครับ ราคาอาหารให้สัตว์ตะกร้าละ 20 บาท (ไม่แพงๆ)
ก็สนุกไปอีกแบบครับ เป็นการท่องเที่ยวนอกแผน เจออะไรก็แวะๆครับบ สนุก+คุ้มค่า
-----เดินทางกันต่อดีกว่าครับบบบบ---- เราก็มุ่งหน้าไปทางยอดดอยอินทนนท์ เข้ามาไม่ไกลก็ถึงด่านอุทยานแห่งชาติครับ
ตรงนี้เสียค่าเข้า คนละ 40 บาท + ค่ามอไซอีก 20 บาทครับ รวมทั้งสิ้น 100 บาท (2คน)
ลืมบอกไปครับ ก่อนหน้านี้ผมเติมน้ำมันรถไป 90 บาท
---ขี่มอไซมาแป๊บๆ ก็เจอเป้าหมายทางซ้ายครับทางเข้า "น้ำตกวชิรธาร" จนท. ตรงด่านบอกว่า น้ำตกวชิรธารเข้าได้ครับ
ไม่อันตรายไม่มีน้ำป่าไหลหลาก ก็ชื่มชมความอลังการของน้ำตกกันไปครับ
---ออกจากน้ำตกวชิรธาร ใกล้ๆกันก็คือน้ำตกสิริธาร อยู่ทางขวามือ ก็แวะลงไปเที่ยวซะหน่อยครับ
ชื่อกระทู้ก็มาจาก 2 น้ำตกข้างต้นนี่แหละครับ
20.09.58 เวลา 13.00 น.---ต่อไปจะไปล่า "นาคลอโรฟิลด์ที่แรกกันครับ" พี่แอดมินเพจจอมทองนิวส์บอกว่า "ถ้าอยากเห็นนาที่มีระดับสวยๆ ให้ไปที่บ้านผาหมอน
จากปากทางเข้าไป 7 กม. (ขาเข้าไปไม่เชื่อว่า 7 กม. จริงมั้ย ตอนกลับเลยดูที่ไมค์รถ 7 กม. จริงๆ แต่ความรู้สึกเหมือน 20 กม.)
---เราเจอการรับน้องที่ดีจากทางเข้าบ้านผาหมอน "นาขั้นบันได แห่งที่ 1 ที่เราจะไปเยือน" ต้องระมัดระวังกันหน่อยนะครับ
ถนนลื่นนน >>> โชคดีที่มายังไม่เจอฝน
นาขั้นบันได บ้านผาหมอน เห็นอยู่ลิบๆ เขียวขจี
---ไปแล้วถึงไกลก็ไม่ผิดหวังครับบ บ้านผาหมอนตรงบริเวณทุ่งนามีโฮมสเตย์ชิวๆ
ตั้งอยู่ ถ้าต้องการความสงบ เปิดหน้าต่างมาเห็น ท้องฟ้าใสๆ นาข้าวสวยๆ ก็คงต้องยก
ให้นาขั้นบันไดบ้านผาหมอนครับ
เวลาประมาณ 15.00 น. เราก็ขี่มอไซออกมาจากบ้านผาหมอนครับ แป๊บเดียวไม่น่าเกิน 5 นาที ก็ถึงที่พักผ่อนก็เราแล้ว
"บ้านแม่กลางหลวง"
เราพักกันที่รีสอร์ท แม่กลางหลวงวิลล์ ราคาห้องที่เราพักราคา 600 บาท ติดต่อห้องพักที่ :พี่กาดี 086-189-4075
เอาของไปเก็บเรียบร้อยก็ขี่มอไซไปรอบๆหมู่บ้านครับ ในหมู่บ้านมีมุมสวยๆเยอะมากเลยครับ
-----ถ่ายรูป เดินเล่น กินข้าวกันอยู่ซักพัก เราก็พร้อมไปสถานที่ไฮไลท์ 2 แห่งของบ้านแม่กลางหลวงแล้วครับบ
***ที่แรกคือ กาแฟโบราณจากไร่พี่สมศักดิ์ (อินทนนท์ คิรีมายา)
ที่นี่นักท่องเที่ยวต่างชาติเยอะมากครับ
---
บ้านพี่สมศักดิ์ขายกาแฟคั่วสดจากไร่ และก็มีให้ชิมด้วยครับ จะบอกว่า
ลืมกาแฟหอม กลมกล่อมมากกกกกกก
นี่ล่ะครับ โฉมหน้า พี่สมศักดิ์ ได้มีโอกาสคุยกันแป๊บนึง พี่เค้าก็บอกว่า
การท่องเที่ยวในแม่กลางหลวง ค่อนข้างจะให้ความสำคัญกับชุมชน
ให้ทุกคนได้มีส่วนร่วมและสร้างชุมชนให้เข้มแข็ง
ส่วนพี่หนุ่มหล่อเสื้อสีแดง ชื่อว่าพี่เคน เป็นชาวกระเหรี่ยง (คนในหมู่บ้าน)
ที่ใจดีขายโปสการ์ดที่เราครับ พี่เคนแนะนำว่า "ถ้ามาแม่กลางหลวงควรไปน้ำตกผาดอกเสี้ยวนะ (น้ำตกรักจัง) ติดต่อให้พี่สมศักดิ์นัดไกด์ให้
XXXXและนี่คือเรื่องเสียใจเรื่องที่2 เพราะเราตัดใจไม่ไปน้ำตกรักจัง เพราะพรุ่งนี้เช้าไปจะยอดดอยอินทนนท์และก็ไปต่อที่แม่แจ่มXXX อด!!!
***ที่ไฮไลท์แม่กลางหลวงแห่งที่ 2 ....
กาแฟอุ่มเอิบ "กาแฟปลายนา ให้อาหารปลาริมน้ำ"
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://www.facebook.com/aumerbcoffee
ร้านกาแฟอุ่มเอิบ ชื่อนี้มีที่มาครับ มาจากคำว่า "ชะอุ่ม"+ "อิ่มเอิบ" = อุ่มเอิบ
กาแฟรสชาติดีมากครับ บรรยากาศชิวๆ ริมน้ำและริมทุ่งนา พี่เจ้าของร้าน 2 คน
"พี่แบงค์ + พี่ต้น" เล่าให้เราฟังว่า ก่อนหน้านี้ 1 วัน น้ำป่าลงมาหนัก บริเวณชั้นล่างของร้าน
ก็โดนไปบ้าง แต่ไม่ได้เสียหายอะไร>> พี่แกบอกว่า มันเป็นฤดูกาลของธรรมชาติครับ ไม่ได้ร้ายแรงอย่างที่คิด
ผมขอข้ามช่วงเวลามานิดนึง สิ่งที่ผมชอบร้านกาแฟอุ่มเอิบก็คือ กลางวันเป็นร้านกาแฟธรรมดา กลางคืนเป็นมินิบาร์เล็กๆ
ดื่มเบียร์สบายใจ >>> ผมก็เลยมานั่งชิวๆ ฝั่งเสียงธรรมชาติก็ได้อารมณ์ไปอีกแบบครับ
**ใครไปแม่กลางหลวงก็อย่าลืมไปอุดหนุนกาแฟอุ่มเอิบกันด้วยนะครับ ดีมากจริงๆ
ต่อครับบบ "ล่านาขั้นบันไดแห่งที่ 2 " แน่นอนครับ ที่ที่ 2 ก็คือ นาขั้นบันได้บ้านแม่กลางหลวงนี่เองครับ
จริงๆก็อยู่หน้าบ้านพักที่ผมไปอยู่ นั่นแหละครับ
**จุดเด่นของนาขั้นบันไดบ้านแม่กลางหลวงก็คือ ใกล้ถนนครับ ไม่ต้องเข้าไปลึกมาก อยู่ในหมู่บ้านเลยย
พูดง่ายๆก็คือ จอดรถปุ๊บถ่ายรูปได้ปั๊บ
----หมดไป 1 วัน เหลือเวลาเที่ยวอีก 1 วัน สำหรับทริปจอมทอง-แม่แจ่ม ครั้งนี้ครับ
****ขอนอนก่อนนะครับ พรุ่งนี้จบ***20.09.58 เวลา 6.00 น. ---
---วันนี้มีเป้าหมายไปพิชิตยอดดอยอินทนนท์และไปเก็บนาขั้นบันไดอีก 4 แห่งให้ครบครับ ---พาหนะก็เป็นมอไซเช่าจากร้านลุงตี๋ เหมือนเดิม
จะว่าไปที่น่าสงสารที่สุดคงเป็นมอไซนี่แหละครับบ ///แต่ยังไม่มีอาการงอแงใดๆ
เริ่มกันที่แสงเช้าที่ แม่กลางหลวงครับ ///หมอกไม่เยอะเท่าไหร่ แต่ถือว่าดีมากสำหรับการมาพักผ่อน
เปิดประตูห้องมาก็เป็นแบบนี้เลยครับ VVVV
--พวกเราไม่รอช้าครับ รีบบิดมอไซจอมลุย ขึ้นไปที่ยอดดอยอินทนนท์ 20 กว่า กม. ก็ถึงที่จุดชมวิวว
แต่พอถึง กม.ที่ 31 จะมีด่านตรวจนะครับ เพียงแค่แสดงบัตรอุทยาน(ที่ซื้อตอนขึ้นมา)ให้พี่เจ้าหน้าที่ตรวจสอบแค่นั้นครับ
V มุมมหาชนก่อนเสพหมอกที่ยอดดอย --- จุดชมวิวตรงนี้วันที่ผมไปยังไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวเท่าไหร่ครับ
ถ้าถามว่าอากาศเป็นไง >>> ขี่มอไซขึ้นไปก็สั่นน่ะครับ ทั้งอุณหภูมิที่หนาวบวกกับแรงลมตอนขี่มอไซ
---พามาถึงยอดดอยอินทนนท์แล้วครับบ อุณหภูมิ ตอนเวลา 6.00 น. ยอดดอยหนาว 9 องศาเซลเซียส
นี่ย้ำนะครับว่าไปในวันที่ 20 กันยายน //ยอดดอยอากาศจะเย็นแบบนี้ตลอดปีครับ แต่ฤดูหนาวอุณหภูมิโดยเฉลี่ยจะหนาวกว่านี้
ดอกไม้และน้ำค้างยอดหญ้า
---ดื่มด่ำความสดชื่นบนยอดดอยแล้วก็ขี่มอไซกลับลงมาครับ ทานอาหารตรงกิ่วแม่ปานครับ
มีร้านอาหารอยู่ 2 ร้าน รสชาติโอเค ราคาไม่แพงครับ ---แต่ไม่ได้เก็บรูปมาฝาก
ลืมบอกไปครับว่า ฤดูฝนกิ่วแม่ปาน ปิดครับ และจะเปิดอีกทีฃ่วงเดือนพฤศจิกายน เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้เดินเที่ยวชม
ระบบนิเวศและต้นกุหลาบพันปี ริมหน้าผา
----จุดแรกที่เราแวะหลังจากทานอาหารเสร็จก็คงไม่พ้น
พระมหาธาตุเจดีย์นภเมทนีดล-พระมหาธาตุเจดีย์นภพลภูมิสิริ
เสียค่าเข้าชมคนละ 40 บาทครับ ผมขออนุญาตแปะลิงก์เพื่อเป็นข้อมูลเจดีย์นะครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=13052
เดินเล่น-ถ่ายรูปไปเรื่อยๆ
ทะเลเมฆ-หมอก ด้านล่างของเมฆกลุ่มนี้ คือจุดที่เรากำลังจะไปต่อครับคือ อ.แม่แจ่ม
---ถ่ายรูปไปๆมา เดินไปตรงนั้งตรงนี้ ก็ปาเข้าไป 10 โมงแล้วครับ >> ทันใดนั้นเราควรแว๊นไป อ.แม่แจ่มอย่างเร็ว
เพราะได้ข่าวว่าถนนหนทางโหดร้ายมากกก
ขี่ลงมาที่ กม. 31 ก็เจอทางขึ้นไป อ.แม่แจ่ม ตอนแรกก็ว่าสบายๆอยู่แหละ ที่ไหนได้ทางโหดมาก
โหดสำหรับ มอไซ Honda Dream 125 แต่มาแล้วก็ไม่หันหลังกลับครับเดินทางกันกว่าจะเก็บ อีก 3 นาขั้นบันได
---ใช้เวลานานพอสมควร ราวๆ 40 นาที เราก็ลัดเลาะขุนเขา ข้ามมาสู่อ.แม่แจ่มแล้ววว
คุยกันมาตลอดทางว่า ชาวบ้านเค้าสัญจรแบบนี้เป็นปกติเลยเหรอ ถ้าจะออกไปตัวเมืองเชียงใหม่ต้องเผื่อเวลาเยอะมากก
ผมจำได้ว่า "MD ผม (เป็นคนเชียงใหม่) เคยเล่าให้ฟังว่า ตอนท่านเป็นนักศึกษาแพทย์ มช. ก็มีเพื่อนๆนศ.แพทย์จาก กทม.ต้องไป
ฝึกงาน (ไม่รู้เรียกถูกป่าว) ที่เชียงใหม่ >>> ทุกคนเห็นชื่ออำเภอก็เลือกลงไปที่ฝึกที่ อ.แม่แจ่มกันหมด ส่วนอ.หางดงไม่มีใครอยากไป"
---เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า แม่แจ่มเนี่ยกลางหุบเขาเลย แล้วยังต้องผ่านยอดเขาที่สูงที่สุดในประเทศอีก ส่วนอ.หางดงอยู๋ติดตัวเมือง---- ง่อววว--มาเล่ากันต่อครับก่อนที่จะถึงเวลาทำงาน 8.00 น. (ชีวิตมนุษย์เงินเดือน)
ตอนนี้เรา 2 คนก็มาถึงตัวอำเภอแม่แจ่ม ตั้งใจจะพิชิตนาขั้นบันได 3 ที่ครับ
1.บ้านกองกาน 2. บ้านตีนผา และ 3. บ้านป่าบงเบียง (ที่สุดนาขั้นบันได : ผมนิยามเอง)
---เรามุ่งหน้าเดินทางไปป่าบงเปียง ซึ่งจะเป็นทางผ่านไปบ้านตีนผาอีกด้วย---
****ดอกจันไว้ 10 ตัว เลยยว่า ทางไป บ้านป่าบงเบียงไกลและทรหดมากกก ถนนหนทางไม่สะดวกเหมือนความสวยงาม
แต่ในที่สุดก็มาถึงที่แรกครับ
นาขั้นบันไดแห่งที่ 3 ของทริป "บ้านตีนผา" ในมุมมองระดับสูง
----ขี่มอไซแบบทุลักทุเลไปต่ออีก 3 กม. ก็จะถึงบ้านป่าบงเปียง ครับ /////สวยสะอาดตา สดชื่น
นาขั้นบันได แห่งที่ 4 ของทริปนี้ครับ เพื่อนๆ คงจะเคยเห็นนักท่องเที่ยวรีวิวบ้านป่าบงเปียงมาค่อนข้างเยอะ
สำหรับตัวผม "นี่คือที่สุดของนาขั้นบันได สุดลูกหูลูกตาครับ" แต่ข้อควรระวังอย่างยิ่งคือการเดินทางครับ
ถ้าขี่มอไซมาต้องระวังเป็นพิเศษ*****
ใครมีโอกาสค้างคืนที่ ป่าบงเบียง เช้าๆก็จะเห็นหมอกขาวๆ ปกคุลมผืนนาที่ปลายเขาครับ
ทริปนี้ฟินสุดๆ และกว่าจะมาถึงก็เหนื่อยสุดๆครับ
----อยู่ข้างบนได้ไม่นานนน เวลาก็ล่วงเลยมาประมาณ 12.30 น. จำเป็นต้องกลับแล้วครับ
บ๊ายบายป่าบงเปียง ///เหนื่อย+เมื่อย// กลับมาถึงทางเข้าหมู่บ้าน แวะซื้อน้ำดื่มเติมน้ำตาลในเลือด
--ย้อนกลับไปที่แม่แจ่ม เลี้ยวเข้า บ้านกองกาน ไปอีก 5 กม. ก็๋เจอ
นาขั้นบันไดแห่งที่ 5 ของทริปนี้แล้วครับ (ด้วยความที่ไม่มีมุมถ่ายรูปเหมือนที่อืนรูปน้อยหน่อยครับ)
----ด้วยความรีบร้อน เร่งรีบบ เพราะเราต้องกลับไปเก็บของที่บ้านแม่กลางหลวง
และต้องขึ้นรถกลับตอน 19.00 น. ก็ต้องรีบบบบบสุดๆ บิดมอไซข้ามเขาจากแม่แจ่มมาบ้านแม่กลางหลวง
เพื่อลงไปที่ นาขันบันได บ้านแม่เตี๊ยะ อ.จอมทอง >>>สูงสุดคืนสู่สามัญ
----นาขั้นบันไดแห่งที่ 6 บ้านแม่เตี๊ยะ บรรยากาศยามเย็นที่นี้สุดยอดเลยครับ
ถ้าอยากได้ภาพนาเขียวๆ ควรมา ส.ค.-ก.ย. ครับ แต่ถ้าอยากได้สีทองๆ คงต้องมาปลายต.ค. ก็จะได้ภาพคนละอารมณ์กัน
จากการเดินทาง 2 วัน 1 คืน ก็แน่ใจแล้วครับว่า การท่องเที่ยวไม่จำเป็นต้อง
มีวันหยุดยาวๆ หรือต้องเตรียมตัว เตรียมเงินเยอะ เพียงแค่วางแผนดีๆแค่นั้นเองครับ
ออกแบบการท่องเที่ยวให้พอดีและพอใจตัวเราก็พอครับ
ขอบคุณ ประสบการณ์ดีๆจาก ทริป จอมทอง-แม่แจ่มครั้งนี้ครับ
จริงๆ มีเกร็ดเล็กๆน้อยๆมากมายครับ ในทริปนี้ แต่ยังคิดไม่ออก555
*****สรุปทริป
การเดินทางท่องเที่ยวครั้งนี้ 2 วัน 1 คืน
ค่าใช้จ่ายต่อคน ท้งสิ้น ประมาณ 2100 บาท (รวมทุกอย่าง//แต่เงื่อนไขก็อยู่ที่กิจกรรมที่ทำด้วยครับ)
รายละเอียดค่าใช้จ่ายต่อคน
ค่ารถทัวร์ไปกลับ= 964 บาท ---ค่าเช่ามอไซ วันละ 300 บาทx2 วัน (หาร2) =300 บาท
ค่าน้ำมันรถ 200 บาท (หาร2) = 100 ---ค่าที่พัก 600/ คืน (หาร2)= 300 ----ค่าเข้าสถานที่+อุทยาน =175 บาท
ค่ากินต่างๆ (ผมกินเอาแบบสะดวกๆ) รวมๆแล้ว 2 วันไม่เกิน 300 บาท
*** ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและแบ่งปันประสบการณ์กันนะครับ***
ถ้าจำอะไรได้อีกจะเอามาแชร์ๆให้เพื่อนๆได้อ่านอีกครับบบ
สวัสดีครับ
Kor-eea
วันศุกร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 เวลา 16.03 น.