INDIA IN MY EYES | JAIPUR & AGRA อินเดียใน 4 วัน
ใครว่าไปอินเดียแล้วลำบาก— ชมทัชมาฮาล และเมืองสีชมพูแบบชิวๆ เดินทางสบายๆกับรถส่วนตัวกันเถอะ
“พลอย..ไปอินเดียมั้ย? พวกพี่จะไปกัน”
นี้คือจุดเริ่มต้นของ ทริปเที่ยวอินเดียที่จองตั๋วกันล่วงหน้าแค่ 2 อาทิตย์เท่านั้น!
รวมแล้ว 4 วัน กับ ค่าใช้จ่ายรวมๆ ประมาณ 16,XXX บาท…อ่ะ ครั้งนึงในชีวิต ไปก็ไป! 55
ก่อนอื่นต้องออกตัวเลยว่า ไม่เคยคิดจะไปอินเดียเลย คือ อยากดูแค่ทัชมาฮาล
หนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลก อนุสรณ์ความรักของพระราชา อย่างเดียวเท่านั้น
แต่เมื่อ พี่ HR กับน้องๆ ที่ บ. มาชวน และ ไปกัน 5 คน ทำให้คิดว่า
ถ้าไม่ได้ไปคราวนี้ก็คงไม่ไปเองแน่ๆ —สรุปจบที่ว่า จองตั๋ว Airasia ไปแล้ว ในราคาแค่ 6,xxx บาท ~
เรามีเวลาเตรียมตัว 2 อาทิตย์ ในการทำสิ่งต่างนี้
1 ) India E-VISA (1700 บาท) ตามรีวิวใน pantip แค่วันเดียวก็ได้แล้วสะดวกสุดๆ
2) Jaipur Jantar Hostel (คืนละ 300 บาท/คน)เนื่องจากเรามีเพื่อนเกาหลีที่เพิ่งไปแนะนำ Hostel ใน Jaipur ให้ก็ยิ่งสบายไปอีก
3) Transportation (คนละ 15XX บาท) เราจ้าง บ.Taxi ที่มีรถพร้อมคนขับมาให้ ราคานี้รวมรับส่งสนามบิน และ ขับรถพาเราตะลอนๆ ไปทุกที่ รวมถึงขับจาก สนามบินไป เมืองอัครา ที่ห่างไปถึง 4 ชั่วโมง และ ขับกลับภายในวันเดียวกัน
4) SIM2FLY ของ AIS (ราคา 399 บาท) ใช้ได้ไม่แย่ แต่ไม่ได้ลื่นไหลมาก มีขาดๆหายๆบ้าง แต่ประหยัดเวลาในการเอาซิมที่สนามไปได้เยอะ
DAY 1 Bangkok — Jaipur Airport — Agra
เราออกเดินทางจากกรุงเทพ สนามบินดอนเมือง ประมาณ สามทุ่มครึ่ง ใช้เวลาเดินทางทั้งหมด 4 ชั่วโมงครึ่ง ถึง Jaipur International airport เวลาประมาณ เที่ยงคืนนิดๆ (เวลาที่อินเดียช้ากว่าไทย 1.30 ช.ม.) ด่านตรวจคนเข้าเมืองของที่นี้จะเป็นระบบ Manual นิดนึง ที่สแกนนิ้วต้องเช็ดหลายรอบกว่าจะแสกนได้ 5555 ต่อแถวนานหน่อย แต่ถือว่ายังไม่แย่มาก
สนามบินที่นี้ค่อนข้างเล็ก ทำให้การนัดกับคนขับรถนั้นก็ไม่ยากเลย เดินออกไปปุ๊ปเจอป้ายปั๊ป —
แต่ — เราก็พบปัญหาที่ใหญ่มากๆคือ คนขับพูดรถพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ …..
ณ จุดนี้ คืองานเข้ากันสุดๆ หลังจากพยายามติดต่อกับบริษัท และก็ไม่ได้รับคำตอบอะไรที่ดีเท่าไรนั้น
เราก็ตัดใจ แบบ ไปก็ไป อาศัย Google translate กับรูปภาพ
ในการพูดคุยกับ Deshraj คนขับรถที่ต้องเจอกันไปอีก 4 วัน 55555
จากสนามบิน Jaipur เรามุ่งตรงไป เมือง Agra เพื่อที่จะได้ดู Taj Mahal ในตอนเช้า
ระหว่างทางเราให้ Deshraj หา ร้านกาแฟ หรืออาหาร ให้หน่อย
เพราะทั้งเหนื่อยทั้งหิว แต่ตามคาด ไม่มีอะไรเปิดระหว่างทางสักเท่าไรนอกจากร้านแบบนี้…
เหมือนจะเป็นตึกร้าง….แต่นางเป็นร้านชานะจ้ะ ขายหลักๆคือ Masala tea แก้วละ 5–10 บาท เล็กๆ น่ารัก (ซึ่ง Deshraj แวะบ่อยมากเวลาขับรถไกลๆ และเท่าที่อยู่ด้วยกันมา นางดื่มบ่อยมากกกกก)
ตอนแรกก็มองหน้ากันเลิ่กลั่ก สุดท้ายได้ Masala tea ซึ่งเป็นชาที่มีขิงเป็นส่วนผสม
บางร้านที่เราไป เขาตำขิงสดๆใส่ มาจิบก่อนจะนอนต่อยาวๆ จนถึง Agra
ช่วงเช้าเราได้พบกันผู้คนที่เดินกันสองข้างทาง เยอะมากๆ ทั้งๆที่เพิ่ง 6 โมงเช้าเท่านั้น
และในที่สุดเราก็มาถึง Agra หลังจากผ่านไปประมาณ 4–5 ชั่วโมง
Advertisement
Deshraj ติดต่อไกด์ให้เรา ซึ่งไม่ว่าจะยังไงนางก็ไม่ยอมให้เราไปแบบไม่มีไกด์
ด้วยข้ออ้างล้านแปดว่า ที่นี้อันตราย (ไกด์บอกเราทางโทรศัพท์ของนาง)…
แต่เพื่อนเราหลายคนที่มาสามารถเดินได้ชิวๆ แค่พยายามหลีกเลี่ยงการโดนรุมเท่านั้น
สุดท้ายไกด์ก็มาเจอกับเรา และไกด์ที่นี้จะลงท้ายด้วยคำว่า
“IF you are happy, you pay me. if you ain’t, you do not have to pay.”
แต่ตามสไตล์เดินด้วยกันทั้งวันก็ต้องให้สินน้ำใจ…
ในเมื่อมีไกด์ ก็ถือว่าเราได้ความรู้ใหม่ๆเพิ่มเรื่องราวต่างๆเกี่ยวกับ Taj Mahal
ซึ่งรวมกับค่าเข้า 530 รูปี เราได้ให้ทิปนางไป คนละ 200 รูปี
ซึ่งแลกกับการมีคนอธิบายตลอดทาง และถ่ายรุปให้เรา ก็โอเคอยู่ 5555
Taj Mahal เค้าว่าให้ดี ควรมาเช้า เพราะเช้าๆที่นี้จะเห็นหมอกบางๆ และคนไม่เยอะมาก
ไม่ต้องรอแถวนาน อากาศไม่ร้อน (แต่ก็ร้อนแห้งๆมากสำหรับคนไทย พกครีมกันแดดกันมาเยอะๆนะคะ)
ครั้งแรกที่เห็น Taj (ไกด์เรียกแบบนี้) จาก ประตูหลัก มันมีความตะลึงซ่อนอยู่
คือมองจากไกลๆ ทั้งสง่าและ ใหญ่โตมากทีเดียว สมกับที่ครั้งนึงต้องมาในชีวิตตามคำล่ำลือ~
หลังจากเดินชม Taj จนถึงเที่ยง ก็ถึงเวลาออกมาด้านนอก ที่ Agra
มีความย้อนแย้งกับกับความสง่างามของด้านในรั้ว Agra มีผู้คนมากมาย บ้านเรือนข้างๆทาง
และผู้คนที่ต้องคอยหลบหลีก บรรดาสัตว์ต่างๆ ทั้ง วัว หมา หมู แมว ไก่ แพะ เยอะจนงงไปหมด
และคนที่นี้ต้องบีบแตรกันบ่อยๆเพื่อคอยบอกว่า กำลังจะไปนะ อาจจะบอก สัตว์ด้วยนะเอาจริงๆแล้ว 555
เราแวะกันที่ Agra fort และเข้าชมแค่เพียงส่วนนอก เนื่องจากมีเวลาไม่เยอะ และคนที่นั้นเยอะมากๆ คนอินเดียที่นั้นเวลาไปต่างเมืองก็จะมาเยี่ยมชมสถานที่เรานี้เหมือนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั่วไป
ที่สุดท้ายที่เราแวะ ก่อนกลับไป Jaipur ก็คือ Fatehpur Sikri เป็นเหมือนตัวเมืองหลวงของ
Mughal empire ที่มีทั้งสถานที่สักการะ และ ทำบุญ มีหลุมศพ และยังมีอุโมงค์ที่ขุดไว้ใต้ดินที่สามารถไปทะลุในตัวเมือง Agra ได้อีกด้วย (ที่นี้ใหญ่มาก และ คนขายของเยอะมาก)
หลังจากเหนื่อยทั้งวันเราก็นั่งรถกลับไป Jaipur ซึ่งระหว่างทางก็ได้แวะร้าน Masala ชา
ตามใจคุณพี่ Deshraj เขาหน่อย ซึ่งจริงๆ เราสังเกตุว่าคนที่นี้ติดชามาก
คือมีขายแบบหิ้วเป็นกระติกในสถานที่สำคัญต่างๆ
และนอกจากจะได้ดื่มชา ดูรถวิ่งไปมา Deshraj ก็มาโบกมือชวนเราไปหลังร้านที่เป็นทุ่งนา
ให้ไปดู…ควาย 555 ตอนแรกก็งง หรือจะพาเราไปทำอะไร อ่อ ที่แท้ให้มาดูควาย 555
ซึ่งควายที่นี้น่ารักมาก เขาม้วน และก็เชื่องมาก เราก็ให้อาหาร ควาย (ของใครก็ไม่รู้) กันอย่างงงๆ..
เรามาเชคอินกันที่ Jaipur Jantar Hostel โรงแรมที่อยู่ในคัวเมือง Jaipur
ซึ่งราคาเพียงคืนละ 300 บาท รวมอาหารเช้าแบบ All you can eat ด้วยนะ โรงแรมก็สะอาดมาก
แถมได้คนที่โรงแรมช่วยเราสั่ง Domino pizza หน้าแกงต่างๆมาให้กินอีกต่างหาก
(มานี้ต้องลองนะ feeling คือแตกต่างจากที่อื่นอย่างสิ้นเชิง 555)
DAY 2 Albert Hall Museum — Gaitor Ki Chhatriyan — Jal Mahal — Rooftop bar
หลังจากพักผ่อนกันเต็มที่ เราได้ไปที่ Albert hall museum เพื่อดูงานศิลปะต่างๆ ของแต่ละยุคสมัย
และ สถาปัตยกรรมของอังกฤษในสมัยนั้น ที่นกพิราบเยอะมากค่ะ สามารถมาถ่ายรูปกัน
เหล่านกน้อยได้กันสบายๆ
ต่อด้วย Gaitor Ki Chhatriyan หรือ อนุสรณ์สถานมหาราชาแห่งชัยปุระ
เพื่อรำลึกถึงอดีตมหาราชาที่เคยปกครองเมือง และ ที่นี้สร้างด้วยหินอ่อนจำนวนมากมาย
ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวและมีความสวยงามมากอีกทีนึงเลยค่ะ
อาหารกลางวัน แนะนำที่ Jawal Mahal Restaurant ที่นี้มีคนแนะนำเยอะมากใน
Tripadvisor พนักงานดูแล และแนะนำดีมากกกกก นางขอร้องแค่ว่าถ้ามาแล้วชอบ
รีวิวร้านฉันที่ได้โปรด 555 ตามแม้กระทั่งหลังจากเดินออกมาจากร้าน อ่ะคิดดู 5555
บ่ายๆเย็นๆ มาเดินตลาดข้างๆ Jal Mahal พระราชวังกลางน้ำ ตอนเย็นๆ ที่นี้คนเยอะมาเดินเหมือนเดินตลาดนัดบ้านเรา แต่ของขายคล้ายๆกันแทบจะทุกร้าน ที่สำคัญ คืออูฐให้ขี่ด้วยนะแถวนี้
หลังจากโดนขอถ่ายรูปจากคนแถวนี้กันพอหอมปากหอมคอ เราก็ขอไปทานข้าวแนว Italian
หลังจากกินแกงกันมาหลายมื้อ 555 ที่ Kaleidoscope และ แว่บไป roof top bar
ที่ชื่อ F-bar ก่อนจะชิม Cocktail กันคนละแก้วก่อนนอน ~
DAY 3 Naharagrh Fort— Panna Meena Ka Kund — Amber Fort
Deshraj มารับเราตามเวลานัด (10 โมง) และเราก็ได้ขึ้นไปบนเขาที่เป็นที่ตั้งของ Naharagh Fort
ป้อมที่ถือว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของ jaipur อีกแห่งนึง การ์ดของที่นี้จะเดินมาแนะนำ
พร้อมขอทิปเล็กๆน้อยๆจากนักท่องเที่ยว ซึ่งเราก็ได้ความรู้ค่อนข้างเยอะ เช่น ที่นี้มีหน้าต่างสำหรับพระราชินี เอาไว้มองลงไปยังเมือง Jaipur ด้านล้าง และยังมีหน้าต่างเตียงที่เป็นวิว
ให้เห็นงานรื่นเริงที่จัดภายในป้อมด้านใน อีกเยอะแยะมากมาย ที่นี้มีวิวที่เห็นเมืองได้ในมุมสูง
ถ้าหากมีเวลามาตอนเย็นน่าจะได้วิวที่สวยมากๆเลยค่ะ
แวะทานข้าวกันที่ La Palma เนื่องจากเห็นรูปใน Tripadvisor อีกแล้ว แนะนำว่าไม่รู้จะทานร้านไหน
ตาม Tripadvisor ไปค่ะ ร้านนี้เป็นร้านเปิดใหม่ และ พิซซ่า รสชาติเหมือนพิซซ่าอิตตาเลี่ยนแท้ๆ
ทำในเตาถ่านด้วย อาหารแต่ละอย่างก็รสชาติดีมากๆค่ะ แนะนำเลย :)
ต่อด้วย Stepwells ของเมือง ที่ชื่อ Panna Meena Ka Kund ที่นี้เป็น Stepwells หรือบ่อน้ำที่มีขั้นบันไดให้ลงไปตักน้ำได้ ขนาดไม่ใหญ่มาก ปกติแล้วจะไม่ให้คนลง และมียามเฝ้า และยามจะให้ลงไปถ่ายรูปได้ ถ้าให้เค้าคนละ 100 รูปี (ตามสไตล์)
และสถานที่สุดท้ายของวันนี้คือ Amber fort ป้อมขนาดใหญ่ ที่อยู่บนเขา และมีทะเลสาบอยู่ใกล้ๆ
ที่นี้ด้านในกว้างขว้างมาก เดินยังไงก็ไม่ทั่ว มีมุมสวยๆ ที่เห็นกำแพงที่ลอบล้อมเมืองอีกด้วย
ตอนค่ำๆที่นี้จะมีการแสดง แสงสีเสียง นั่งดูเพลินๆเรียนรู้เกี่ยวกับประวัติของป้อมและเมืองนี้ก็เพลินๆค้าาาา
DAY 4 Hawa Mahal—City Palace— Pink Square Mall — Bangkok
วันสุดท้ายก่อนเดินทางกลับ เราก็มา Landmark ของ เมืองสีชมพู Hawal Mahal หรือ
พระราชวังสายลม ที่เชื่อว่า หลายๆคนต้องเคยเห็นจากรีวิวต่างมาแน่นอน พระราชวังนี้
ตั้งอยู่ใจกลางเมือง ติดถนนใหญ่กันเลยทีเดียว ถ้าอยากถ่ายแบบเห็นทั้งตึก
ต้องไปที่อีกฝั่ง ที่มี คาเฟ่ windview cafe ที่สุดฮอตฮิตในหมู่นักท่องเที่ยว
และแน่นอนว่าถ้ามาตรงนี้แล้ว ก็ต้องแวะไป City palace ด้วย
ซึ่งถ้าจะเข้าชมห้องสวยๆนั้นมีค่าใช้จ่ายประมาณ 2500 รุปี(1250 บาท)
แต่เนื่องด้วยเวลาเราไม่พอจึงได้แค่เดินชมภายนอก ซึ่งก็มีความสวยงามไม่แพ้กัน :)
ถ้าหาซื้อของฝากและอยากได้ราคาจริง เราแนะนำให้เข้า mall และ ไปซื้อได้ที่ Big bazaar ชั้นล่างสุด
ของ Pink sqare mall นะคะ มีทั้งชา ทั้ง Himalaya แถมได้เดินเล่นในมอลล์ (ที่นี้มี Central ด้วยนะ 55)
เนื่องจากไฟล์ทบินของเรานั้นประมาณ เกือบตีหนึ่ง
คืนนี้หลังจากล่ำลากับ Deshraj เราก็ขึ้นเครื่องกลับถึงเมืองไทย โดยสวัสดิภาพ ~
สรุป~
เที่ยวอินเดียเดี๋ยวนี้สามารถเที่ยวได้แบบไม่ลำบากมาก ราคาไม่แพง เดินทางสะดวก
คนที่นี้เขาจะมีความตื่นเต้นกับนักท่องเที่ยวจากเอเชียอยู่เยอะหน่อย แต่ก็มีความน่ารักดี
ขอบคุณเราตลอด ที่ควรระวังสุดคือการโดนหลอกให้จ่ายเพิ่ม แต่แค่ต้องมีสติค่ะ
แล้วเราจะได้เห็นอารยธรรมของเขาซึ่งมีความ Exotic มาก
และถ้าถามพลอยว่าคิดว่าจะกลับไปอีกมั้ย?
คำตอบคือ ไปแน่นอนค่ะ :)
Perfectto photo
วันอังคารที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2561 เวลา 14.14 น.